วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขั้นตอนการวางแผนโครงการ

ขั้นตอนการวางแผนแบบเบื้องต้น มีดังนี้ (หมายเหตุ บางส่วนของหัวข้อเหล่านี่จะอธิบายในบทถัดไป)
  • นิยามปัญหา ที่จะแก้ไขจากโครงการ
  • สถาปนาภารกิจ ตามคำบรรยายของวัตถุประสงค์หลัก
  • คิดหากลยุทธ์ ของโครงการซึ่งเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทั้งหมดของโครงการ
  • ปักหมุดอาณาเขต เพื่อกำหนดขอบเขตของโครงการ (อะไรที่ จะทำ และ จะไม่ทำ)
  • แตกโครงสร้างกิจกรรม เพื่อประมาณการระยะเวลาของแต่ละกิจกรรม ทรัพยากรที่ต้องใช้ และค่าใช้จ่าย (ตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมของคุณ)
  • จัดเตรียมแผนทำงานหลักพร้อมงบประมาณ
  • ตัดสินใจใช้โครงสร้างองค์กร ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างแบบเมทริกส์* หรือแบบลำดับขั้น (หากว่าคุณมีอิสระในการเลือก)
  • สร้างบันทึกโครงการ
  • มีการลงนามโดยผู้ถือผลประโยชน์ร่วมในแผน
ยังไม่เสร็จจ้า

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โครงการที่ทำโดยคนๆ เดียว (One-Person Projects)

โครงการที่ทำโดยคนๆ เดียว


  เมื่อใดที่มีจัดการโครงการโดยมีคนที่เกี่ยวข้องเพียงคนเดียวนั้น จะไม่ถือว่าเป็นการจัดการโครงการ

  คนจำนวนมากที่มาเข้าร่วมในงานสัมมนาเพื่อเรียนรู้วิธีในการบริหารจัดการโครงการของผม แต่พบว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนเดียวที่ทำงานในโครงการ เดี๋ยวนี้มันเป็นความจริงที่ว่า งานที่ทำโดยคนๆ เดียวนั้น สามารถที่จะเรียกว่าโครงการได้ เพราะว่ามีจุดเริ่มต้นที่แน่นอน, เป้าหมาย วันสิ้นสุด คุณสมบัติที่ต้องการจำเพาะ ขอบเขตของงาน และงบประมาณ



  อย่างไรก็ดี เมื่อไม่มีใครอื่นที่ทำงานในโครงการ (รวมไปถึงผู้ผลิตภายนอก) ก็ไม่มีความจำเป็นในการกำหนดสายงานวิกฤต


  การกำหนดสายงานวิกฤต เป็นการกำหนดจำนวนงานที่ทำขนานกันไปได้ในคราวเดียวกัน และหนึ่งในนั้นจะมีงานหนึ่งที่ต้องใช้เวลานานกว่างานอื่น นำทุกสายงานมาพิจารณาว่าต้องใช้เวลาในการทำงานด้วยตัวเองให้เสร็จในที่สุดเป็นเวลาเท่าไร ไม่มีงานขนานใดๆ เกิดขึ้นในโครงการที่ทำคนเดียว - เว้นเสียแต่ว่าคุณใช้มือแต่ทั้ง2 ข้างในการทำงานแยกอิสระได้พร้อมกัน!


  โครงการที่ทำด้วยคนๆ เดียวจะต้องมีการบริหารจัดการตนเองที่ดี หรือ มีการบริหารจัดการเวลาที่ดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณขาดไม่ได้ก็คือ รายการสิ่งที่ต้องทำที่ได้จัดทำมาอย่างเรียบร้อย ซึ่งก็ได้มาจากการลิสต์รายการงานต่างๆ ออกมา อย่างไรก็ตามเว้นเสียแต่ว่า หากคุณกำลังร่วมงานกับงานของคนอื่น คุณจะไม่ได้ฝึกฝนการจัดการโครงการอย่างแท้จริง


ที่มา พื้นฐานในการจัดการโครงการ หน้า 6 โดย เจมส์ พี ลูอิส


One-Person Projects

  When is managing a project not project management? When only one person is involved.
  A lot of people are sent to my seminars to learn how to manage projects, but they are the only person working on their projects. Now it is true that a one-person job can be called a project, because it has a definite starting point, target end date, specific performance requirements, defined scope of work, and a budget.
  However, when no one else is working on the project (including outside vendors), there is no need for a critical path schedule.
  A critical path schedule is one that has a number of parallel paths, and one of them will be longer than the others and will determine how long it will take to complete the job, or ultimately, on a job by yourself, there aren't any parallel paths - unless you are ambidextrous!
  One person projects do require good self-management or good time management, but all you need is a good to-do list, which comes from a task listing. However, unless you are coordinating the work of other people, you aren't practicing true project management.

from Fundamentals of Project Management page 6, James P. Lewis

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิศวกรในฝัน


วิศวกรรม คำนี้ฟังแล้วหมายถึงการสร้าง ไม่ว่าจะเป็นระบบต่างๆ การวางแผนระบบงาน การทำงานเป็นทีมของบุคค ลและยังอาจหมายถึงบุคคลต่างๆ ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างระบบงาน แก้ไขงานได้จริงและมีความรู้ความสามารถทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ
           
วิศวกร หมายถึงอะไร ตามคำที่ระบุไว้ในพจนานุกรม คือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการซ่อมสร้างสิ่งต่างๆ วางแผนและวิจัยได้

การที่จะเป็นวิศวกรได้ดังที่บัญญัติไว้มิใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าการที่จะทำให้คนๆ หนึ่งซึ่งยังไม่มีความรู้ความสามารถ ให้เป็นคนที่มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการปฏิบัติงานได้นั้น ย่อมจะต้องสิ้นเปลืองทั้งเวลา ทรัพยากร เงิน และอื่นๆ อีกทั้งการเรียนทางด้านวิศวกรรม ก็มิใช่ที่จะสำเร็จออกมาง่ายๆ

ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ เมื่อจบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมออกมา แม้เราได้ชื่อว่าเป็นวิศวกร แต่เราจะต้องเป็นวิศวกรที่มีคุณภาพ ที่มีทั้งความรู้ความสามารถ สามารถแก้ไขงานต่างๆ ได้จริง มิใช่เป็นแต่เพียงทฤษฎีเท่านั้น นี่คือวิศวกร แต่วิศวกรที่ดี วิศวกรในฝัน นั้นคืออะไร

วิศวกรในฝัน ก็คือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอาชีพวิศวกรรม

การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จะต้องใช้ ตรรกะ การคิดเชิงวิเคราะห์ ทั้งจากศีกษาทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ รวมถึงทักษะและประสพการณ์ส่วนตัว  สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงศักยภาพของวิศวกรให้บรรดาลูกน้องยอมรับ และเชื่อถือได้ คือเป็นวิศวกรที่รู้จริง และทำงานได้จริง

วิศวกรในฝัน ต้องเป็นบุคคลที่พร้อมที่จะเสียสละเวลา และกำลังบางส่วน ในการช่วยพัฒนาประเทศชาติและสังคม ช่วยสร้างสิ่งดีๆ ให้บ้างเมือง เพราะอาชีพนี้ ถ้าหากใช้ความรู้ความสามรถที่มีในการช่วยเหลือสังคม ก็จะความเจริญของชาติ และรวมไปถึงโลกได้เป็นอย่างดี

วิศวกรในฝัน ไม่มีบัญญัติไว้ในพจนานุกรม แต่มันจะมีบัญญัติไว้ในหัวใจของบุคคลที่จบออกมาในอาชีพวิศวกรรมว่า คุณเป็นวิศวกรที่รู้จริง แล้วคุณจะทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ แล้วหรือยัง หรือทำเพื่อตัวคุณเอง


วิศวกร ตามความคิดเห็นผม


วิศวกร ต้องใช้หลักการ เหตุผล ตรรกะ และทรรศนคติที่เป็นกลาง ในการคิด การพูด/การบัญชาการ การกระทำ/ดำเนินการใดๆ ด้วยคุณธรรมและความถูกต้องก่อนเรื่องอื่นใด

วิศวกร ต้องมีความรับผิดชอบ ต่องานที่ได้รับมอบหมาย ต่อการคิด การกระทำ และบัญชาการใดๆ ต่อผลงานของตน ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม

วิศวกร ต้องละเอียดและรอบคอบ รู้จักคิดวิเคราะห์ ปฏิบัติงานโดยใช้หลักวิชาการและคุณธรรมก่อนเรื่องงบประมาณ หรือผลประโยชน์แห่งตนและพวกพ้อง

วิศวกร ต้องทำตนให้น่าเชื่อถือ ต้องยอมรับผลที่เกิดจากเหตุ กล้าทำกล้ารับ ไม่หลบเลี่ยงหรือเพิกเฉยต่องานที่ได้รับมอบหมาย หรือผลลัพธ์อันเกิดจากของงานตน ต้องชี้แจงและแก้ไขทุกปัญหาให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะนำมาซึ่งความเคารพเชื่อถือจากผู้คนที่เกี่ยวข้อง

ในฝัน... ฤา จะมีแค่ในความฝัน ไม่มีอยู่จริง?
คุณหมอในฝัน นักบัญชีในฝัน ตำรวจในฝัน นักการเมืองในฝัน ไม่ว่าใครจะมีอาชีพอะไรต่างก็ต้องทำงานสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในโลกนี้ สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก

แท้จริงแล้ว มันขึ้นอยู่กับทัศนคติส่วนตัวของแต่ละบุคคล ความดี ความเป็นกลาง คุณธรรม ความโลภ ความมีน้ำใจ เห็นแก่ตัว ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับอำนาจหน้าที่ของตนที่จะได้ใช้ทัศนคติและนิสัยของตนที่มีอยู่ ต่อผู้อื่นได้

"เราทุกคนก็แค่ใส่หัวโขนของอาชีพต่างๆ มาหาปากเลี้ยงท้องกันจากคนใส่หัวโขนคนอื่นๆ" ถ้าเราออกนอกรั้วที่ทำงาน ไปเดินอยู่กลางป่า หรือทะเลทราย หรือขั้วโลกเหนือ จะยังมีหัวโขนกันไหม

ณกฤศ ภูริธนรัตน์
28 พฤศภาคม 2554
เวลา 13.12น.

วิศวกรรม [วิดสะวะกํา] ความหมาย ชื่อเทวดาตนหนึ่ง ผู้ชํานาญในการช่างทั้งปวง,วิษณุกรรม วิสสุกรรม เวสสุกรรม หรือ เพชฉลูกรรม ก็เรียก

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพวิศวกร

ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

1. วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์

2. ร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่องานอาชีพ เช่นตาบอดสี (ไม่เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นขี้ดีกว่าไส้)

3. มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร สามารถทำงานกลางแจ้ง (ไม่ขี้เกียจ ไม่ลอยไปลอยมา ทำตัวเหมือนงานท่วมหัว เพิกเฉยหรือทำเป็นลืมงานที่ได้รับมอบหมายที่ไม่สนใจหรือทำไม่เป็น)

4. มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ชอบการคิดคำนวณ มีความละเอียดรอบคอบ (ริเริ่มในแง่ดีมิใช่ริเริ่มแง่ชั่วช้า ไม่ทำงานลวกๆ เอาตัวรอดแบบขอไปที)
5. มีความเป็นผู้นำ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี (ผู้นำกล้าตัดสินใจ กล้าทำ กล้ารับ เจรจาอย่างมีชั้นเชิงและศิลปะ)
6. มีความมั่นใจในตนเองสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ (หากไม่รู้ต้องค้นคว้าให้เข้าใจ เพื่อความมั่นใจในงานที่ตนปฏิบัติ ไม่หนีปัญหาที่ตนเองก่อ)

วิศวกร = มือของพระวิศณุ เป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย แล้วคุณล่ะสร้างหรือทำลาย ทำเพื่ออุดมการณ์ส่วนรวมหรือทำเพื่อปากท้อง ความรู้ ตำแหน่งของตนเอง

แค่ 6 ข้อทำไม่ได้ไปแสนเสียดายเงินที่ผู้ปกครองส่งเสีย ส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานในบริษัทที่มีความตั้งใจ สุดท้ายต่อสังคมและประเทศชาติ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ตื่นเช้ามาสำรวจตัวเอง

ตื่นเช้ามาสำรวจตัวเอง

ทุกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ลองนั่งนิ่งๆ บนที่นอนสักพัก
เหมือนเป็นการตั้งสติก่อนที่จะลุกไปทำกิจวัตรประจำวัน
ถามตัวเองว่า
“เรากำลังทำอะไรอยู่?”
คิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ว่าเราทำอะไรมา 
และวันนี้เรากำลังจะทำอะไร 
มีอะไรที่กระทบจิตใจเราบ้าง มีอะไรที่เราต้องแก้ไขบ้าง 
และมีอะไรที่การกระทำของเราส่งผลถึงวันนี้ 
เราจะรับมือกับมันด้วยวิธีไหน 
หากแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องยอมรับและทำให้ปัญหาต่างๆ เบาบาง 
ไม่ใช่ตีตนไปก่อนไข้ แต่เป็นการ
“รับมือ”
คิดเผื่อไว้กับเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึง 

แค่คิด...ไม่ใช่วิตกจริต

การเปิดทางเลือกให้ตัวเองทุกๆ เช้า
จะทำให้เราค้นพบวิธีดีๆ ที่จะดูแลตัวเองในแต่ละวัน
และหากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิต
การเป็นคนช่างคิด และฝึกคิดบ่อยๆ
จะช่วยสร้างสมาธิและให้สติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
แม้จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่าได้ผ่านการคิดมาแล้ว
ย่อมเกิดผลร้ายกับตัวเองน้อยที่สุดแน่นอน

แล้ววันหนึ่ง...เราจะเข้าใจเหตุผลในทุกๆ การกระทำของตัวเอง
แม้คำตอบที่ได้บางครั้งอาจเป็น
“อารมณ์” 
แต่อารมณ์ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น 
ยิ่งพบเจอกับอารมณ์อันหลากหลายของตัวเอง 
ยิ่งได้เรียนรู้ และสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้

การสำรวจตัวเองในแต่ละวัน
เหมือนเป็นการค่อยๆ ทำความเข้าใจตัวเอง
รู้ความต้องการของตัวเอง
ร่างกายได้เติบโตไปพร้อมๆ กับจิตใจ
หากเราปล่อยปละละเลยตัวเอง
ปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามสถานการณ์ที่เป็นไป
วันหนึ่ง...เมื่อเจอปัญหาหนักๆ
เราจะไม่รู้คำตอบเลยว่ามันเริ่มมาจากตรงไหน ทำไม?

ความคิดที่ไม่เคยได้ถูกใช้งาน
ร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง
จะหาคำตอบของชีวิตได้ยังไง?
ในเมื่อจิตใจ...ยังเดินทางมาไม่ถึง!

จาก "50 กระบวนท่า ฝ่าด่านชีวิต" โดย: ว.แหวน (ข้อมูลจาก yaimaibook.com)

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

สัญญาณอะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้ว่าคุณกำลังถูกบีบให้ออกจากงาน

สัญญาณอะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้ว่าคุณกำลังถูกบีบให้ออกจากงาน
การถูกบีบให้ออกจากงาน อาจเป็นประสพการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครอยากพบเจอ แต่ถ้าหากมันกำลังเกิดขึ้นกับคุณ คุณก็ต้องรู้ทัน โดยเฉพาะยิ่งคุณร้ทันได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผลดี และถ้าหากในเวลานี้คุณกำลังไม่แน่ใจว่ากำลังถูกบีบให้ออกจากงานอยู่หรือไม่ ลองมาสำรวจดูดีกว่าว่าเจ้านายของคุณได้ส่งสัญญาณเตือนภัยเหล่านี้มาถึงคุณแล้วหรือยัง

1.พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สัญญาณนี้คือการเริ่มเล่นสงครามจิตวิทยากับคุณเพราะพฤติกรรมที่หัวหน้าแสดงออกจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เช่น เคยยิ้มทักทาย จะเปลี่ยนเป็นไม่ยิ้ม ไม่ทักทาย และทำเป็นเฉยๆ ราวกับคุณไม่ได้อยู่ตรงนั้น เคยอนุญาตให้คุณเข้าพบได้ทุกครั้งทุกเวลา แต่เดี๋ยวนี้จะขอเข้าพบสักครั้งก็ยากลำบาก เคยสั่งงานกับคุณโดยตรง ก็จะสั่งงานผ่านคนอื่นแทน เหล่านี้เป็นพฤติกรรมเริ่มแรกที่ส่งสัญญาณให้คุณรู้ตัว

2.อะไรก็ผิดไปหมด
แม้ว่าคุณจะทำตามคำสั่งทุกขั้นตอนแล้วก็ตาม หากหัวหน้าองคุณตั้งใจที่จะให้คุณออกจากงานจริงๆ ก็มักจะหาเรื่องตำหนิคุณได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เหมือนกับคุณอยู่ในช่วงของทำดีก็ได้แค่เสมอตัว แตถ้าหากคุณพลาดเล็กน้อยคุณจะเละตุ้มเป๊ะได้ ซึ่งมันจะทำให้คุณรู้สึกปวดหัว เพราะทำอย่างไรก็โดนตำหนิ และนั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณต้องการลาออกจากงานเพราะรับความกดดันที่พบเจอไม่ไหว

3.ให้ทำงานหนักเกินไปหรือไม่ให้ทำอะไรเลย
สั่งงานคุณจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนและงานแต่ละชิ้นก็ยาก เพื่อหวังให้คุณทำไม่ได้ตามที่หัวหน้าต้องการ เพือใช้เป็นเหตุผลในการพิจารณาผลงานของคุณ (ก่อนให้ออก) หรือเพื่อให้คุณท้อและลาออกไปเอง แต่ถ้าหากคุณทำได้ หรือหัวหน้ามองออกว่าคุณเป็นประเภทแอกทีฟอยู่ตลอดเวลา และมีความละอายใจเขาก็จะแกล้งไม่สั่งงานคุณ ให้คุณอยู่เฉยๆ ในขณะที่คนอื่นทำงานจนหัวปั่น จนในที่สุดคุณก็ต้องยื่นซองขาว เพราะคำว่า ศักดิ์ศรี ของตัวเอง

4.สั่งงานที่ไม่ถนัดหรือคนละด้านกับความสามารถของคุณ
เมื่อใดกตามที่หัวหน้าเสนอตำแหน่งใหม่ให้คุณแต่เป็นงานที่คุณไม่ถนัด เพราะมันเป็นคนละด้านกับความสามรถที่คุณมี มันก็คือเกมจิตวิทยาในการบีบให้คุณออกจากงานอีกวิธีหนึ่ง เช่นให้คุณทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชี แต่หัวหน้าต้องการให้คุณไปเป็นเซลล์แมนที่คุณไม่ถนัดและทำไม่ได้ แม้ว่าเงินเดือนจะสูงขึ้นก็ตาม

5.รับสมัครพนักงานใหม่ตำแหน่งเดียวกับคุณ
วิธีนี้ค่อนข้างจะเป็นวิธีที่โจ่งแจ้งพอควรแล้ว ซึ่งถ้าหากคุณไม่ต้องการจะมีเรื่องมีราวให้ยุ่งยาก และทนอยู่ต่อไปก็ไม่มีความสุข การมองหางานใหม่ก็เป็นทางออกที่ดี และควรทำอย่างเร่งด่วนทีเดียว

ที่มา หนังสือเตรียมตัวลาออกให้เป็น โดย ปรัญญา วันบรรจบ

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

นรก-สวรรค์ ตามหลักอายตนะ 6

ทีนี้อยากจะให้รู้เสียเลย ที่เกี่ยวกับ ทวารเหล่านี้นะ
พระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า
นรกทางอายตนะ ฉันเห็นแล้ว
สวรรค์ทางอายตนะ ฉันเห็นแล้ว

เมื่อก่อน เขาพูดกัน ถึงเรื่อง นรกอยู่ใต้ดิน
อย่าง ภาพเขียนฝาผนัง นั่นมันคือ นรกทางกาย นรกทางวัตถุ
ก็หมายถึง ร่างกาย ถูกกระทำ อย่างนั้น เป็นนรกใต้ดิน ตามที่ว่า
แล้วสวรรค์ ก็อยู่ข้างบน บนฟ้า ข้างบนโน้น
มีวิมาน มีผู้เสวยสวรรค์ เป็นบุคคล
มีนางฟ้า ส่งเสริม ความสุข เป็นร้อยๆ ร้อยๆ นั้นคือ
สวรรค์ข้างบน แต่ เป็นเรื่อง ทางกาย หรือ ทางวัตถุทั้งนั้น

นรกกับสวรรค์ ชนิดนั้น เขาพูดกัน อยู่ก่อนพระพุทธเจ้า
เขาสอนกันอยู่ก่อน แต่คุณจับใจความให้ได้ มันเรื่องทางกายนี้
เจ็บปวดทางกายอยู่ใต้ดิน คือนรก
เอร็ดอร่อยทางกายอยู่ข้างบน นั่นแหละสวรรค์

ทีนี้ พระพุทธเจ้าท่านมาตรัสเสียใหม่ว่า
นรกที่อายตนะฉันเห็นแล้ว ก็คือที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ; นี่นรก
เมื่อทำผิด มันร้อนขึ้นมาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
มันนรกที่ไม่ใช่วัตถุ ที่ไม่ใช่กาย มันเป็นนามธรรม
เป็นความรู้สึก เป็นทุกข์ร้อน อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
นี่นรกฝ่ายวิญญาณ ฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ ฝ่ายวิญญาณ

ทีนี้ สวรรค์ก็เหมือนกัน เมื่อถูกต้อง เขาก็จะเป็นสุข
สนุกสนาน อยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็นั้นแหละ คือ สวรรค์
เป็น สวรรค์ทางวิญญาณ มันคู่กัน อย่างนี้ มันคู่กันมา อย่างนี้

ถ้าเอาวัตถุ เอาร่างกายเป็นหลัก นรกอยู่ใต้ดิน สวรรค์อยู่บนฟ้า
แล้วก็เป็นไปตามเรื่องนั้น

แต่ถ้าเอาเรื่อง นามธรรม ฝ่ายวิญญาณ เป็นหลักแล้ว
ทั้งนรก ทั้งสวรรค์ มันอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
คือ ความรู้สึก ที่เกิดขึ้น ที่นั่น
พูดอย่างนี้ ชี้ไปยังที่ตัวจริง
พูดอย่างโน้น มันอุปมา เหมือนกับว่า ถูกฆ่า ถูกเผา ถูกอะไรอยู่
หรือว่า เสวยอารมณ์ อันเป็น กามคุณอยู่
นั้นควรจะเป็นอุปมา แต่เขากลับเอามา เป็นตัวจริง

ทีนี้ ผม อธิบายตาม พระบาลี เรื่องตัวจริง ว่า
ร้อนอยู่ที่ อายตนะทั้ง ๖ นี้ มันเป็นนรก สบายอย่างนี้ เป็นสวรรค์
เขากลับหาว่า นี้อุปมา นี่มัน กลับกัน อย่างนี้ ใครโง่ ใครฉลาด?
คุณก็ไปคิดเอาเอง

แต่ผมยืนยันว่า ตามหลักของพระพุทธเจ้าว่า นี้คือ จริง :
นรกที่อยู่ที่อายตนะ ๖ นี้ คือ นรกจริง
สวรรค์ที่อยู่ที่อายตนะ๖ นี้คือ สวรรค์จริง
ท่านจึงตรัสว่า ฉันเห็นแล้วๆ

ก็ไม่ได้พูด ตามที่เขาพูดกัน อยู่ก่อนพระองค์
ที่เขาพูดกัน อยู่ก่อนพระองค์ นั้น เขาพูดกันว่าอย่างนั้น
มันจะเป็น เรื่องคาดคะเน หรือ เป็นเรื่องอะไร ก็ตามใจเขา
เราจะไม่แตะต้อง เราจะไม่ไปคัดค้าน

นี่คุณช่วยจำไว้ข้อหนึ่ง ด้วยนะ แทรกให้ได้ยินว่า
เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ตรงกับ ลัทธิของเรา
พระพุทธเจ้า ท่านว่า อย่าไปคัดค้าน แล้วก็ไม่ต้องยอมรับ
เมื่อเราไม่เห็นด้วยเราก็ไม่ยอมรับ แต่แล้ว อย่าไปคัดค้าน
อย่าไปด่าเขา อย่าไปอะไรเขา ก็บอกว่า คุณว่าอย่างนั้น
ก็ถูกของคุณ เราไม่อาจจะยอมรับ แต่เราก็ไม่คัดค้าน
แต่เรามีว่าอย่างนี้ๆ เราก็พูดของเราไป ก็แล้วกัน

นี่ควรจะถือเป็นหลัก กันทุกคน
ถ้าลัทธิอื่น เขามาในแบบอื่น รูปอื่น
เราก็ไม่คัดค้าน เราไม่ยอมรับ
แต่เราบอกว่า ของพุทธศาสนานี้ เป็นอย่างนี้ๆ ก็ว่าไป
ไม่ต้องทะเลาะกัน
ที่มันจะไป ทำลายของเขา ยกตัวของตัว ขึ้นมา
นี้มันจะได้ทะเลาะกัน จะทำอันตรายกัน เพราะหลักธรรมะ นั้นเอง
พระพุทธเจ้าท่านจึงไม่พูด ถึงเรื่องอะไรๆ ที่เขาพูดกันอยู่ก่อน
ในหลายๆเรื่อง รวมทั้งเรื่อง นรก สวรรค์ นี้ด้วย

แต่ท่านพูด ขึ้นมาใหม่ว่า ฉันเห็นแล้ว คือ อย่างนี้ๆ

ฉะนั้น เรามี นรก สวรรค์
ทั้งที่เป็นการกล่าวกันอยู่ตาม ทางวัตถุ ทางกาย
มาสอนใน ประเทศไทย ตั้งแต่ ก่อนพุทธศาสนาเข้ามา
ฝ่ายพุทธศาสนาเข้า
เขาก็ไม่ได้เอาคำของพระพุทธเจ้าข้อนี้มาสอน
ประชาชนก็ยังถือตาม ก่อนโน้นๆ นรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า

นรก สวรรค์ อย่างที่พระพุทธเจ้า ท่านตรัสนี้
ไม่ค่อยมีใครสนใจ
พอเอามาพูดเข้า เขาเห็นเป็น เรื่องอุปมา ไปเสียอีก

มันกลับกัน เสียอย่างนี้

ที่มาเว็บพุทธทาสดอทคอม http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/heaven92.html

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

To be with you - Mr.Big

To be with you - Mr.Big

C#m            E
Hold on little girl,
Asus             E
Show me what his done to you.
C#m             E
Stand up little girl,
  Asus               E
A broken heart can't be that bad.
     Asus
When its throught,
    E
Its trought.
Asus                E
Fate will twist the both of you.
   D
So comeone baby,

Comeon over.
B
Let me be the one to show you.

(Chorus)
E              Asus     B       E
Im the one who wants to be with you,
E             Asus     B       E
Deep inside i hope you feel it to.
E           Asus    B          E
Waited on a line of greens and blues,
E              Asus    B       E
Just to be the next to be with you.

(No chord in between the chorus and vers 2. Just hop to the first chord on the Vers2 
you finished the chorus )

C#m          E
Bulid up you confidence,
   Asus          E
So you can be on top for once.
C#m         E
Wake uo who cares about,
Ásus             E
Little boys that talks to much.

    Asus            E
Ive seen it, all go down,
     E                Asus
Your game of love was all rained out.
   D
So comeone baby,

Comeon over,
B
Let me be the one to hold you.

(Chorus)

E              Asus     B       E
Im the one who wants to be with you,
E             Asus     B       E
Deep inside i hope you feel it to.
E           Asus    B          E
Waited on a line of greens and blues,
E              Asus    B       E
Just to be the next to be with you.

(Bridge)

Asus
Why be alone,
            C#m
When we can be together baby.
G
You can make my life worthwhile,
    G
And i can make you start to smile.

(SOLO)

e|---------------------------------------------------4--2--2h4p2p0--2-------|
B|----------5--------------------------------5-------5--0--0----------------|
G|-1--2--4--4--5/6--4--4--4---------1--2--4--4--5/6-------------------------|
D|-2--4--6-----6/7--6--4--4h6p4h6---2--4--6-----6/7-------------------------|
A|--------------------------------------------------------------------------|
E|---------------------------------------------------------------------0----|


e|--------------------------------------------------------------------------|
B|----------5-----------7--9--9--------------12---10---9h10p9-12------------|
G|-1--2--4--4--5/6--4---8--9--9------------9----9----9-----------9~---------|
D|-2--4--6-----6/7--6---9--11--11------9h11------------------------11\------|
A|---------------------------------9/11-------------------------------------|
E|--------------------------------------------------------------------------|

e|--4--2--2h4p2p0--2--12+---------------------------------------------------|
B|--5--0--0-----------12+---------------------------------------------------|
G|-------------------------11~/13~------------------------------------------|
D|--------------------------------------------------------------------------|
A|--------------------------------------------------------------------------|
E|-------------------------0------------------------------------------------|
!!!! I copyed this Solo tab from "DAVE" !!!!
(SOLO chords are: E, Asus, B, E! Same as Chorus)


    Asus
When its throught,
    E
Its trought.
Asus                E
Fate will twist the both of you.
   D
So comeone baby,

Comeon over.
B
Let me be the one to show you.
G              C        D       G
Im the one who wants to be with you,
G             C        D       G
Deep inside i hope you feel it to.
G           C       D          G
Waited on a line of greens and blues,
G              C       D       G
Just to be the next to be with you.

E              Asus     B       E
Im the one who wants to be with you,
E             Asus     B       E
Deep inside i hope you feel it to.
E           Asus    B          E
Waited on a line of greens and blues,
E              Asus    B       E
Just to be the next to be with you.  

อยู่ในอัลบั้ม Lean into It http://en.wikipedia.org/wiki/Mr._Big_(band)
เริ่มฟังเพลงนี้ก็น่าจะประมาณ มัธยมศีกษาปีที่ 1 อัลบั้มออกปี 1991 ปีนี้ 2011 ก็ 20 ปีที่แล้วพอดีๆ เห้ยยย โอ้แม่เจ้า!!! นักดนตรีทั้งวงคงจะแก่งั่กแน่ๆ (ไม่ใช่ผมหรอก ผมอายุเท่าเดิม กร๊ากกก)
ความหมายที่ผมถอดออกมาเท่าที่ทำได้ สุดฝีมือละครับ

อยู่เคียงข้างเธอ - มิสเตอร์บิ๊ก

อย่ายอมแพ้สาวน้อย
ให้ฉันดูหน่อยซิ อะไรที่เค้าทำไว้กับเธอ
ลุกขึ้นยืนเถิดสาวน้อย
หัวใจที่แหลกสลายไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก

(*) เมื่อมันผ่านมาแล้ว
คือมันผ่านมาแล้วนะ
มันเจ็บกันทั้งคู่นั่นแหละ
มานี่สิที่รัก
เข้ามามากกว่านี้หน่อย
ให้ฉันเป็นคนๆหนึ่งที่จะแสดงให้เธอดูนะ

(**)ฉันเป็นหนึ่งคนที่อยากจะเคียงข้างเธอ
ลึกๆภายในน่ะ ฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกเหมือนกัน
ฉันคอยเธออยู่แล้วนะ ฉันคอยเธอบนเส้นเขตที่ฉันอยากก้าวเข้าไปและเส้นแห่งความเสียใจของเธอ ( Waited on the Line of Greens and Blues แปลยากจังวุ้ย)
เพียงแค่อยากจะเป็นคนถัดมาที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอ

สร้างความมั่นใจเธอกลับคืนมา
เธอสามารถที่จะเป็นที่หนึ่งได้อีกคร้ัง
ลุกขึ้นเถอะ ใครเค้าจะแคร์เกี่ยวกับมันล่ะ
หนุ่มน้อยคนนั้นพูดมากเกินไปต่างหาก
ฉันเห็นแล้ว ทุกสิ่งจบลงแล้ว
เกมส์แห่งความรักของเธอคือฝนที่หยุดแล้ว
เข้ามาที่รัก เข้ามามากกว่านี้หน่อย
ให้ฉันได้เป็นคนหนึ่ง เป็นหนึ่งเดียวที่โอบกอดเธอไว้

ซ้ำ (**)

อยู่โดดเดี่ยวทำไมล่ะ ในเมื่อเราสามารถอยู่เคียงข้างกันได้นะ ที่รัก
เธอสามารถเติมเต็มชีวิตฉันได้
และฉันนี่แหละที่จะทำให้เธอเริ่มยิ้ม ยิ้มอย่างสดใส

ซ้ำ (*,**,***)

เพียงแค่... เพียงแค่อยากเป็นคนถัดไปที่จะอยู่เคียงข้างเธอ ฮู้วววววว พลีสสสส

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

"ความทุกข์"


ต้นเหตุให้เกิดทุกข์ คือ ตัณหา ได้แก่ โลภ เจตสิก  

โลภ เจตสิก หรือ ตัณหา เป็น ความอยากได้ 
เป็น ความปรารถนา ซึ่งมักจะ ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ  

เมื่อมี ความอยากได้ มี ความปรารถนา เกิดขึ้นแล้ว 

ก็จะมี ปริเยสนทุกข์ คือ เป็นทุกข์ ในการแสวงหา
เพื่อให้ได้มาตามความปรารถนานั้น ๆ  

ถ้าหาไม่ได้ ก็มี ยัมปิจฉัง น ลภติ 
คือ ความไม่สมหวังดังที่ปรารถนา  

ครั้นได้มาแล้ว ก็มี อารักขทุกข 
คือ เป็นทุกข์ในการระวังรักษา  

เมื่อรักษาไม่ดี แตกหักสูญหายไป ก็มี ปิเยหิวิปปโยโค
คือ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก  

รวมความว่า ได้ ก็ ทุกข์   ไม่ได้ ก็ ทุกข์ 

แต่...เมื่อใด ตัด ต้นตอ ต้นเหตุ คือ ความปรารถนา ลงเสียได้แล้ว 

ทุกข์ ที่จะพึงเกิด ก็จะไม่มีเลย

"รู้นะว่ามันต้องทำยังไง แต่ว่าคงยังไม่ถึงเวลาสำหรับผม ผมยังยินดีในกิเลสอยู่"

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

คำสอนคน - เรื่องบางเรื่องต้องเจอกับตัวเองถึงจะซาบซึ้ง

1.เอาใจเขามาใส่ใจเรา

2.เชื่อมั่นตัวเอง

3.อย่ามองคนที่หน้าตา

4.กล้าคิด พูด และทำ

5.เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น

6.และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย

7.อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด

8.ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ

9.เปิดใจให้กว้าง

10.มองการณ์ไกล

11.วางแผนอนาคต

12.อย่าโทษตัวเอง

13.มีความรับผิดชอบ

14.ตอบแทนเมื่อได้รับ

15.ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี

16.อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด

17.คิดถึงส่วนรวมให้มาก

18.ดูแลตัวเองให้เป็น

19.รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี

20.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า

21.อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว

22.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร

23.ที่ทำอยู่มีผลดี/เสีย มีประโยชน์/ไร้ประโยชน์

24.อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก

25.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น

26.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน

27.คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร

28.ได้หน้าอย่าลืมหลัง

29.คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้ว แต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย

30.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ

31.อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง

32.รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่

33.ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง

34.อย่าเห็นแก่ตัว

35.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

36.อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้

37.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง

38.เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้

39.อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.หาเขาเช่นกัน

40.จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ

41.ดูแลบิดา มารดาให้ดี มีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี

42.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว
มันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่ หรือเรียนรู้จากมันได้

43.คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับได้ ดังนั้น คิดก่อนพูด

44.อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์

45.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด

46.ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้

47.หาจุดหมายให้กับชีวิต

48.เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น

49.ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา

50.วันๆ หนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น

51.ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ

52.เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล

53.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง

54.คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้

55.ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า? ถ้ามีกลับไปหาซะ

56.ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่? ทำอะไรซะบ้าง

57.อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ

58.ตอนคุณลำบากคิดถึงใคร? อยากให้ใครช่วยเหลือ?

59.ตอนนี้คุณสบายอยู่? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือ? หรือหมดประโยชน์?

60.ไม่ใช่? แล้วไง? ต้องบอกต่อไหม?

61.ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น

62.ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ รู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่

63.ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง?

64.ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว

65.อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน

66.ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา

67.ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม? หรือว่าดูที่ราคาขนม?

68.เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆ ได้ตลอดชีวิต

69.อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆ ถ้าได้อ่านข้อความนี้จงรู้ไว้ว่ายังมีเพื่อนอยู่ที่นี่อีกคน

70.อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิด ว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด

71.อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน

72.เหนื่อยแล้วพักเถอะ

73.อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคน เพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง

74.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ?

75.คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก?

76.ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน

77.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้

78.ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง

79.การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด

80.ทำยังไง...ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย??

81.ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี

82.จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง??

83.อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำหรือยัง? ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

84.คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยินหรอก?

85.ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า??

86.หัดคุยกับตัวเองบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้?

87.ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า? หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต

88.การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก

89.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้

90.ลองทำอะไรบ้าๆ ดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย

91.ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี

92.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิต หรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี

93.อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี

94.อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว

95.ยาเสพติดทุกชนิดอย่าคิดจะลองเด็ดขาด

96.อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน

97.ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง

98.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

99.ไม่มีมิตรถาวร และศัตรูที่แท้จริง

100.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา
"คบคนพาลจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล"

"คนส่วนใหญ่ยังมองว่า คนดี คือ คนที่ดูดี คนเลว คือ คนที่ดูไม่ดี"

"คนที่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ก็ไม่คิดทำความชั่ว นั่นแหละคนดี"

"คำพูดที่เหมือนกัน มักจะต่างที่น้ำเสียง"

"ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน"

"ความคาดหวัง คือ กิเลสชั้นเยื่ยม"

ถูกใจตบมือ ไม่ถูกใจอย่าโห่ เดี๋ยวมีเรื่อง!!!  ขอบคุณ วนิดา สำหรับบทความ

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรู้สึก มิอาจประเมินค่าได้ แต่แปลกที่บางที กลับถูกทำลายได้ ด้วยสิ่งที่ไม่มีคุณค่าพอที่จะประเมิน - ณกฤศ ภูริธนรัตน์



วัดน้ำหนัก มีเครื่องชั่ง ใช้ตรวจสอบ
วัดรอบเอว มีสายวัด จัดบอกได้
วัดส่วนสูง มีที่วัด จัดให้ไป
ที่วัดใจ ใสสะอาด ยังขาดคนครอง
การกระทำ ทราม สุจริต ดวงจิตวัด
กรรมสะอาด ปราศมลทิน สิ้นเศร้าหมอง
กรรมสกปรก โสโครกคร่ำ ดำเนินนอง
เป็นเครื่องข้อง ตรองวัดใคร ใสกมล ฯ

ใจมนุษย์วัดได้จากการกระทำของแต่ละบุคคล การกระทำของ
แต่ละบุคคลละถูกสั่งมาจากใจ แม้แต่สมองที่คิดแต่ละอย่างออกมาได้
ก็เนื่องจากใจสั่งให้สมองคิด การกระทำแต่ละอย่างของบุคคลก็เหมือนกัน
ล้วนแต่ถูกใจสั่งมาทั้งนั้น นั่นแสดงว่าเราสามารถวัดใจได้จากการ
ประพฤติปฏิบัติของแต่ละบุคคลที่แสดงออกมานั่นเอง

จะวัดจิตผู้อื่นได้ ต้องใช้จิตที่สะอาดใสกว่าในการวัด เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล หาตัวยาก ตัวอย่าง เทียบกับการชั่งน้ำหนักที่คุณว่ามีเครื่องชั่ง ใช้ตรวจสอบ ถ้าเรามีเครื่องชั่งขนาด หกสิบกิโลกรัม แต่เราต้องการชั่งน้ำหนักตัวเรา ซึ่งหนักเกินหกสิบกิโลกรัม เราก็ไม่รู้น้ำหนักที่แท้จริงอยู่ดี
ขอบคุณ Google Guru สำหรับกลอนดีๆ ครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

"ล้ำเส้น"

Don't cross the line!!!
"ล้ำเส้น" ไม่เป็นไรถ้ารู้จักก้าวถอยออกมา
"ความสนิท" นำเรื่องดีๆมาสู่ชีวิตเราหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด เมื่อสนิทกัน
ก็เกิดความไว้ใจเชื่อใจและแชร์ความรู้สึกต่างๆร่วมกัน
แต่ก็เป็นเพราะ "ความสนิท" นี่แหละ
ที่สามารถทำร้ายกันได้ง่ายขึ้น เหมือนลิ้นกับฟัน
เหมือนช้อนกับส้อม ที่พอใกล้ก็ง่ายที่จะกระทบ
ด้วยบางทีต่างคนต่างลืมไปว่าในความสนิทนั้น
ไม่ได้หมายความว่า "เราควรก้าวก่ายทุกเรื่องในชีวิต"
ถามไถ่..ต่างจากการ..สอบปากคำ
โทรหา..ต่างจากการ..โทรจิก โทรตาม
และเมื่อเหตุการณ์ล้ำเส้นเกิดขึ้นก็จะเกิดความรู้สึกอึดอัด
ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม บางทีอาจก่อให้เกิดรอยร้าว
แต่ถ้าถามว่านี่คือเรื่องร้ายแรงที่สุดมั๊ย!?
คำตอบคือ..ไม่..ซ้ำยังถือเป็นเรื่องธรรมดา
ที่ย่อมเผลอกระทบกระทั่งกันได้เสมอ
แม้เราจะระมัดระวังเพียงใดก็ตาม
ที่สำคัญคือ..ทันทีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง "ล้ำเส้น"
ต้องรู้จักการขยับก้าวถอยออกมา..รู้จักที่จะขอโทษ
และพร้อมที่จะคืนพื้นที่ส่วนตัวให้อย่างเคารพ
ไม่ใช่ดึงดันที่จะล้ำเส้นยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบใด
ความรักที่แท้จริงย่อมไม่ใช่การยึดครองโลกทั้งใบของอีกคน..คุณว่าจริงมั๊ย!


เครดิต น้องกัสจัง