วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรู้สึก มิอาจประเมินค่าได้ แต่แปลกที่บางที กลับถูกทำลายได้ ด้วยสิ่งที่ไม่มีคุณค่าพอที่จะประเมิน - ณกฤศ ภูริธนรัตน์



วัดน้ำหนัก มีเครื่องชั่ง ใช้ตรวจสอบ
วัดรอบเอว มีสายวัด จัดบอกได้
วัดส่วนสูง มีที่วัด จัดให้ไป
ที่วัดใจ ใสสะอาด ยังขาดคนครอง
การกระทำ ทราม สุจริต ดวงจิตวัด
กรรมสะอาด ปราศมลทิน สิ้นเศร้าหมอง
กรรมสกปรก โสโครกคร่ำ ดำเนินนอง
เป็นเครื่องข้อง ตรองวัดใคร ใสกมล ฯ

ใจมนุษย์วัดได้จากการกระทำของแต่ละบุคคล การกระทำของ
แต่ละบุคคลละถูกสั่งมาจากใจ แม้แต่สมองที่คิดแต่ละอย่างออกมาได้
ก็เนื่องจากใจสั่งให้สมองคิด การกระทำแต่ละอย่างของบุคคลก็เหมือนกัน
ล้วนแต่ถูกใจสั่งมาทั้งนั้น นั่นแสดงว่าเราสามารถวัดใจได้จากการ
ประพฤติปฏิบัติของแต่ละบุคคลที่แสดงออกมานั่นเอง

จะวัดจิตผู้อื่นได้ ต้องใช้จิตที่สะอาดใสกว่าในการวัด เป็นความสามารถเฉพาะบุคคล หาตัวยาก ตัวอย่าง เทียบกับการชั่งน้ำหนักที่คุณว่ามีเครื่องชั่ง ใช้ตรวจสอบ ถ้าเรามีเครื่องชั่งขนาด หกสิบกิโลกรัม แต่เราต้องการชั่งน้ำหนักตัวเรา ซึ่งหนักเกินหกสิบกิโลกรัม เราก็ไม่รู้น้ำหนักที่แท้จริงอยู่ดี
ขอบคุณ Google Guru สำหรับกลอนดีๆ ครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

"ล้ำเส้น"

Don't cross the line!!!
"ล้ำเส้น" ไม่เป็นไรถ้ารู้จักก้าวถอยออกมา
"ความสนิท" นำเรื่องดีๆมาสู่ชีวิตเราหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบใด เมื่อสนิทกัน
ก็เกิดความไว้ใจเชื่อใจและแชร์ความรู้สึกต่างๆร่วมกัน
แต่ก็เป็นเพราะ "ความสนิท" นี่แหละ
ที่สามารถทำร้ายกันได้ง่ายขึ้น เหมือนลิ้นกับฟัน
เหมือนช้อนกับส้อม ที่พอใกล้ก็ง่ายที่จะกระทบ
ด้วยบางทีต่างคนต่างลืมไปว่าในความสนิทนั้น
ไม่ได้หมายความว่า "เราควรก้าวก่ายทุกเรื่องในชีวิต"
ถามไถ่..ต่างจากการ..สอบปากคำ
โทรหา..ต่างจากการ..โทรจิก โทรตาม
และเมื่อเหตุการณ์ล้ำเส้นเกิดขึ้นก็จะเกิดความรู้สึกอึดอัด
ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม บางทีอาจก่อให้เกิดรอยร้าว
แต่ถ้าถามว่านี่คือเรื่องร้ายแรงที่สุดมั๊ย!?
คำตอบคือ..ไม่..ซ้ำยังถือเป็นเรื่องธรรมดา
ที่ย่อมเผลอกระทบกระทั่งกันได้เสมอ
แม้เราจะระมัดระวังเพียงใดก็ตาม
ที่สำคัญคือ..ทันทีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง "ล้ำเส้น"
ต้องรู้จักการขยับก้าวถอยออกมา..รู้จักที่จะขอโทษ
และพร้อมที่จะคืนพื้นที่ส่วนตัวให้อย่างเคารพ
ไม่ใช่ดึงดันที่จะล้ำเส้นยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบใด
ความรักที่แท้จริงย่อมไม่ใช่การยึดครองโลกทั้งใบของอีกคน..คุณว่าจริงมั๊ย!


เครดิต น้องกัสจัง

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

Skid Row - I Remember You



I Remember You
- Skid Row-
Woke up to the sound of pouring rain
The wind would whisper and I'd think of you
And all the tears you cried, that called my name
And when you needed me I came through
 

I paint a picture of the days gone by
When love went blind and you would make me see
I'd stare a lifetime into your eyes
So that I knew you were there for me
Time after time you were there for me
 

Remember yesterday - walking hand in hand
Love letters in the sand - I remember you
Through the sleepless nights and every endless day
I'd wanna hear you say
"I remember you"

We spend the summer with the top rolled down
Wished ever after would be like this
You said I love you babe, without a sound
I said I'd give my life for just one kiss
I'd live for your smile and die for your kiss
 

Remember yesterday - walking hand in hand
Love letters in the sand - I remember you
Through the sleepless nights and every endless day
I'd wanna hear you say - I remember you
 

We've had our share of hard times
But that's the price we paid
And through it all we kept the promise that we made
I swear you'll never be lonely
 

Woke up to the sound of pouring rain
Washed away a dream of you
But nothing else could ever take you away
'Cause you'll always be my dream come true
Oh my darling, I love you


Remember yesterday - walking hand in hand
Love letters in the sand - I remember you
Through the sleepless nights and every endless day
I'd wanna hear you say - I remember you


Remember yesterday - walking hand in hand
Love letters in the sand - I remember you
Through the sleepless nights and every endless day
I'd wanna hear you say - I remember…

"I Remember YOU"

เสียงฝนตกทำผมสะดุ้งตื่น
ในค่ำคืนที่สายลมแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ
ผมคิดถึงคุณ
ทุกความเศร้าโศกของคุณนั้นเรียกชื่อผม
และผมจะกลับมาเมื่อคุณต้องการ

ผมเฝ้าวาดฝันของวันคืนที่ล่วงเลย
เมื่อความรักทำให้คนเราตาบอด
และคุณทำให้ผมเห็น

ผมเห็นระยะเวลาที่ผมจะมีชีวิตอยู่
อยู่ในดวงตาของคุณ
และคุณก็เคยอยู่ตรงนั้นเพื่อผม
คุณอยู่ตรงนั้นเสมอมา
 (แม้จะไม่เสมอไป)

ยังจดจำภาพวันวานที่เราเดินจูงมือกัน
อักษรสื่อรักบนหาดทราย
ผมจะจดจำคุณ

ผ่านทุกค่ำคืนที่นอนหลับไม่เต็มตา
ผมเพียงอยากได้ยินคุณพูดว่า
"....นึกถึงคุณ"



เพลงนี้ชอบมากสมัย ม.1 อายุ 13 - - ง่ะ พระเจ้าเพลงออกมาปี 1989 ปีนี้ 2011 เย้ยยย

ขอบคุณ http://herebe.exteen.com/20090523/i-remember-you สำหรับเนื้อร้องและความหมายครับ

Lucciano Pizzichini - Stella By Starlight



Lucciano Pizzichini

อย่าดูถูกศักยภาพของเด็ก เด็กทำได้ทุกคน คุณเชื่อหรือไม่!!!

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

แก้วน้ำหนึ่งใบ



A lecturer, when explaining stress management to an audience raised a glass of water and asked, “how heavy is this glass of water?” Answers called out ranged from 20g to 500g. The lecturer replied, “The absolute weight doesn’t matter. It depends on how long you try to hold it.”

“If I hold it for a minute, that’s not a problem. If I hold it for an hour, I’ll have an ache in my right arm. If I hold it for a day, you’ll have to call an ambulance. “In each case, it’s the same weight, but the longer I hold it, the heavier it becomes.”

He continued, “And that’s the way it is with stress management. If we carry our burdens all the time, sooner or later, as the burden becomes increasingly heavy, we won’t be able to carry on.” “As with the glass of water, you have to put it down for a while and rest before holding it again. When we’re refreshed, we can carry on with the burden.”

“So, before you return home tonight, put the burden of work down. Don’t carry it home. You can pick it up tomorrow. Whatever burdens you’re carrying now, let them down for a moment if you can.” “Relax; pick them up later after you’ve rested. Life is short. Enjoy it!

 ผู้บรรยายท่านหนึ่ง ได้อธิบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการกับความเครียดให้กับผู้ชมได้ยกแก้วน้ำขึ้นมาหนึ่งใบและถามว่า
"ทราบไหมว่าน้ำในแก้วใบนี้หนักเท่าไหร่?"
คำตอบที่ได้กลับมาคือ 20 กรัม ถึง 500 กรัม ผู้บรรยายตอบกลับมาว่า "น้ำหนักที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่สาระสำคัญเลย มันขึ้นอยู่กับว่า คุณถือมันไว้นานขนาดไหน"

"ไม่มีปัญหาหรอกถ้าผมถือมันไว้ 5 นาที แต่ถ้าผมถือมันไว้ชั่วโมงนึงผมอาจจะปวดแขน ถ้าผมถือมัน 1 วัน เต็มๆ ผมอาจจะต้องเรียกรถพยาบาลมารับก็ได้ ซึ่งแต่ละกรณีน้ำแก้วนี้หนักเท่าเดิม แต่ว่าผมยิ่งถือมันนานเท่าไหร่ น้ำหนักมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเก่า"

เค้ากล่าวต่อไปอีกว่า "นี่คือวิธีบริหารจัดการกับความเครียด หากเรายังแบกมันตลอดเวลา ไม่ช้าก็เร็ว มันจะยิ่งหนักทวีคูณขึ้นจนเราไม่สามารถจะถือไม่ได้อีกต่อไป เหมือนกับแก้วน้ำ คุณต้องวางมันลงและพักสักพักก่อนที่จะถือมันใหม่อีกครั้งเมื่อเรามีแรงคืนกลับมา"

"ดังนั้น ก่อนที่พวกคุณจะกลับบ้านในคืนนี้ จงวางภาระหน้าที่การงานต่างๆ ลงเสีย อย่าเอามันกลับไปที่บ้านเด็ดขาด พวกคุณสามารถเริ่มมันใหม่อีกครั้งได้ในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าภาระหน้าที่การงานที่คุณกำลังแบกรับไว้ขณะนี้คืออะไรก็ตาม ถ้าคุณทำได้วางมันลงเสียเลยในตอนนี้ ผ่อนคลายตัวเอง หลังจากคุณพักผ่อนแล้วค่อยทำมันใหม่ทีหลัง ชีวิตคนเรามันสั้นนัก ใช้มันให้สนุกเถิด"

เครดิตโดย พี่ชูเกียรติ ศิริขจรศักดิ์ ที่น่ารักของผม https://www.facebook.com/notes/chookiat-love/บทความเกี่ยวกับ-แก้วน้ำหนึี่งใบ-ลองอ่านดู-ความหมาย-ดีดี-/207136975980023?ref=notif&notif_t=note_reply

แปลห่วยๆโดย ณกฤศ ภูริธนรัตน์ (ผมเองผิดถูกขออภัยมือใหม่อ่อนอังกฤษ Stupid In Blog)

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

สามัญ สมมติ อัตตา

"พวกเขาอาจจะลืมสิ่งที่คุณเคยพูดกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่มีทางที่จะลืมว่าคุณทำให้พวกเขารู้สึกอย่างไร"

หลายคน.. ได้ลาภยศสรรเสริญ การศึกษา ฐานะ ตำแหน่ง เพิ่มขึ้น..สูงขึ้น...

คนเหล่านั้น ต่างได้เพิ่ม "อัตตา" และมีความหลงมัวเมาใน "สมมติ" ที่เกิดขึ้นกับตน...

คนเหล่านั้น ต่างลืมไปว่า... ครั้งหนึ่ง ก่อนนี้ ล้วนแต่มาจาก "สามัญ ธรรมดา" ทั้งนั้น...

คนเหล่านั้น เมื่อมาถึงวันนี้ ด้วยเพราะตำแหน่ง ฐานะ ชื่อเสียง เป็นเครื่องค้ำคอ...

คนเหล่านั้น เบียดเบียน ดูถูก เหยียดหยาม ย่ำยี ผู้ที่มี "สมมติ" ไม่เท่าตนเพื่อสนอง "อัตตา" ของตนเอง...

คนเหล่านั้น ลืมไปว่า เพื่อนร่วมโลกทั้งหลายตั้งแต่ราชาจนถึงนางคณิกาในซ่อง ต่างก็มีศักดิ์ศรี "ความเป็นมนุษย์" เท่าเทียมเสมอภาคกันทุกคน...

คนเหล่านั้น หลงใน "สมมติ" จนลืมไปว่า ตนเอง พ่อแม่ พี่น้องของตน ต่างก็เคย...


"สามัญ"

______________________

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

โปรดอย่ามาสงสาร


เพลง โปรดอย่ามาสงสาร ตู่ ภพธร

ถ้าฉันนั้นขอร้องแล้ว เธอจะกลับมาไหม
ถ้าฉันเป็นอะไร เธอจะยังเป็นห่วงกันรึเปล่า
เธอยังคงสนใจกันบ้างไหม

ฉันไม่ได้ถามเพื่อให้เธอดูเป็นผู้ร้าย
จะเคารพทุกการตัดสินใจ
ไม่ว่าจะต้องเจ็บช้ำเท่าไหร่
ก็จะยอมรับความจริงเอาไว้

ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องขืนและไม่ต้องพยายาม
ไม่ต้องรู้สึกว่าผิด ที่ต้องเป็นคนตอบคำถาม
แค่อยากรู้ อยากแน่ใจว่าจากนี้ไม่มีทาง
ที่จะคืนและกลับมา (ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
อย่าให้ความสงสาร ทำให้เธอไหวหวั่น
อย่าให้เรายังอยู่ด้วยกัน (เพียงเพราะความสงสารเลย)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
โปรดอย่าถามว่าตอนนี้ฉันเป็นยังไง
ถ้าเธอไม่คิดที่จะกลับมา
อย่าทำไปเพราะสงสารฉันเลย

รู้ไหมว่าทุกครั้งที่เธอยังโทรมาหา
ดีใจแทบบ้า ที่เรายังรักกันจำได้ไหม

ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องขืนและไม่ต้องพยายาม
ไม่ต้องรู้สึกว่าผิด ที่ต้องเป็นคนตอบคำถาม
แค่อยากรู้ อยากแน่ใจว่าจากนี้ไม่มีทาง
ที่จะคืนและกลับมา (ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
อย่าให้ความสงสาร ทำให้เธอไหวหวั่น
อย่าให้เรายังอยู่ด้วยกัน (เพียงเพราะความสงสารเลย)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
โปรดอย่าถามว่าตอนนี้ฉันเป็นยังไง
ถ้าเธอไม่คิดที่จะกลับมา
อย่าทำไปเพราะว่าเธอสงสารฉันเลย

ฉันไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านี้
ยังมีทางให้ฉันได้หวัง
และย้อนกลับไปคืนดี มีทางอีกไหม

ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องขืนและไม่ต้องพยายาม
ไม่ต้องรู้สึกว่าผิด ที่ต้องเป็นคนตอบคำถาม
แค่อยากรู้ อยากแน่ใจว่าจากนี้ไม่มีทาง
ที่จะคืนและกลับมา (ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
อย่าให้ความสงสาร ทำให้เธอไหวหวั่น
อย่าให้เรายังอยู่ด้วยกัน (เพียงเพราะความสงสารเลย)

โปรดอย่ามาสงสาร อย่าให้ความหวังฉัน
โปรดเถอะอย่าเห็นใจ หากไม่ต้องการกัน
โปรดอย่าถามว่าตอนนี้ฉันเป็นยังไง
ถ้าเธอไม่คิดที่จะกลับมา
อย่าทำไปเพราะสงสารฉันเลย

โฮ โฮ ตั้งแต่วันที่เธอไป โฮ โฮ ไม่มีใครในใจนี้
โฮ โฮ ข้างในใจฉันมีเพียงเธอคนเดียว คนเดียว
อย่าทำไปเพราะสงสารฉันเลย

โฮ โฮ ตั้งแต่วันที่เธอไป โฮ โฮ ไม่มีใครในใจนี้
โฮ โฮ มีแต่เธอเพียงคนเดียว
อย่าทำไปเพราะสงสารฉันเลย

โฮ โฮ ตั้งแต่วันที่เธอไป โฮ โฮ ไม่มีใครในใจนี้
โฮ โฮ มีแต่เธอเพียงคนเดียว
ได้โปรดอย่าทำไปเพราะสงสารฉันเลย

ดนตรี และการร้อง แหวกดีครับ ไม่รู้จะเป็น R&B หรือว่า แนว Boy Band ดี ชอบครับ เพลงโดนใจผมดี น่าจะร้องได้มันส์ในอารมณ์ผมเอง

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

(ต่อ) 33 กฏทองสู่ความสำเร็จในการเป็นผู้นำ - วิชัย กอสงวนมิตร กฏที่ 20 ตอนที่ 3

ตอนที่ 3 เต็มที่กับผลตอบแทนลูกน้อง
ผมเคยเจรจาต่อรองขอเงินเดือนอีก 2,000 บาท จากผู้บริหารท่านหนึ่งก่อนไปเริ่มทำงาน แต่ท่านให้ผมเพียง 1,000 บาท โดยให้เหตุผลที่รับฟังได้คือ ท่านยังไม่เห็นว่าผมจะทำงานได้ดีแค่ไหน และเงินเดือนของหัวหน้าเดิมก็ใกล้เคียงกับที่ผมได้รับแล้ว แต่หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน ผมกลับได้รับการขึ้นเงินเดือนถึง 3,000 บาท และเมื่อทำงานครบปีก็ขึ้นให้อีกมาก ทำให้ผมทำงานในที่ทำงานแห่งนั้นมาได้อีกนาน โดยได้เลื่อนตำแหน่งอีกหลายครั้งและยังมีโอกาสได้รับการอบรมพัฒนา ไปดูงานต่างประเทศ และสวัสดิการอีกไม่น้อย นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบ อำนาจ และผลตอบแทนที่ไปด้วยกันเสมอ ผู้นำที่อยากให้ลูกน้องทำงานอยู่ด้วยนานๆ จะต้องให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยและความสามารถด้วยครับ การตอบแทนความเสียสละของลูกน้อง ก็จะต้องให้สมกับความเสียสละด้วย ผมเคยได้ยินผู้นำหรือเจ้าของกิจการบางคนเรียกร้องให้พนักงานเสียสละ แต่ตัวเจ้าของหรือผู้นำกลับไม่ได้ชดเชยความเสียสละให้พนักงานเท่าที่ควร ทั้งที่บางครั้งพนักงานก็เสียสละให้เพราะหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ผมเคยพูดเล่นๆ อยู่ประโยคหนี่งอยู่เสมอครับว่า "คงไม่มีใครเสียสละได้นานหรอกครับ นอกจากคนเสียสติ"


ผมขออนุญาตแถมข้อที่ 23 ข้อย่อยที่ 1 ให้ทุกท่านอ่านอีกหน่อยแล้วกัน ที่เหลือหาซื้ออ่านกันเองนะครับ


บทที่ 23 สร้างทีมงานให้ได้
ตอนที่ 1 พัฒนาให้เป็นความสำเร็จของทีม
ผู้นำที่ดีต้องรู้ว่าความสำเร็จในหน้าที่ทุกครั้ง ไม่ใช่ความสำเร็จของผู้นำเพียงคนเดียว คนๆ เดียวย่อมไม่มีทางทำงานใหญ่สำเร็จได้ การสร้างทีมงานเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความสามารถ ความพยายาม และเวลาอย่างมาก ผู้นำจะไม่มีวันประสพความสำเร็จ หากไม่ตระหนักถึงการสร้างทีมงานและพัฒนาประสิทธิภาพของทีม ผู้นำที่เก่งย่อมจะมองออกว่าใครเป็นลูกทีมที่มีพลังสร้างสรรค์ พร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปกับคุณ และเมื่อเขาได้ช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่แล้ว ไยผู้นำจึงไม่ให้เกียรติและยกย่องผู้ร่วมงานของคุณให้สูงส่งพร้อมกันด้วย
ผู้นำบางคนไม่เคยให้เกียรติและยกย่องสมาชิกในทีมงานเลย บางคนชอบเอาความสำเร็จไปเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ตรงกันข้ามกับผู้นำที่มองการณ์ไกล เขาจะพยายามนำความสำเร็จนั้นมาให้ทีมงาน และตัวผู้นำก็จะได้รับการยอมรับนับถือ รวมทั้งมีผู้ยินดีร่วมงานกับเขาตลอดไป ผมเชื่อว่า คนทุกคนทีไม่ได้เป็นผู้นำเอง ย่อมอยากจะไปร่วมงานกับผู้นำที่มีความสามารถที่จะช่วยพัฒนาให้เขาก้าวหน้า โดยไปเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จด้วยมากกว่าจะไปร่วมงานกับผู้นำที่เอาแต่ความสำเร็จของงานหรือตนเองเท่านั้น

หนังสือเล่มนี้มีคำเตือนก่อนอ่านด้วยครับ จริงครับที่ว่าคนบ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้า คนไม่บ้าก็เหมือนกัน อันไหนไม่ดีมันไม่ใช่เรา เราไม่ได้ทำ อันไหนดีๆ กลายเป็นของเราซะอย่างนั้น นี่แหละ อัตตา ตัวกู ของกู เป็นเรื่องธรรมชาิิติของมนุษย์ ขึ้นอยู่ว่าจะรู้เท่าทันตนเองขนาดไหน
หนังสือช่วยท่านได้ครับ หนังสือทำให้เกิดสมาธิและสติได้ดีกว่าให้คนพูดให้คุณฟัง เพราะว่าคุณคงไม่ให้คนๆนั้นมานั่งว่าหรือชมคุณเป็นชั่วโมงๆโดยไม่ได้ตอบโต้ หนังสือนี่แหละจะว่าหรือชมคุณโดยที่คุณเป็นคนอ่านด้วยตัวเอง คุณพอใจก็อ่านต่อคุณไม่พอใจก็ฉีกทิ้งก็ได้ครับ ไม่ต้องมีเรื่องกับใคร 555+
หนังสือบางเล่มผมอ่านแล้วอึ้ง เพราะเข้าตัวเต็มๆ เกือบทั้งเล่มก็มี แต่ผมก็ไม่หยุดอ่าน แต่หนังสือเล่มนั้นยับเยินครับ (ยับเยินเพราะพกไปพกมาไม่ได้เอาไปฟาดพื้นแต่อย่างใด)

แล้วคุณละรู้สีกอย่างไรกันครับ...