วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

(ต่อ) 33 กฏทองสู่ความสำเร็จในการเป็นผู้นำ - วิชัย กอสงวนมิตร กฏที่ 20 ตอนที่ 3

ตอนที่ 3 เต็มที่กับผลตอบแทนลูกน้อง
ผมเคยเจรจาต่อรองขอเงินเดือนอีก 2,000 บาท จากผู้บริหารท่านหนึ่งก่อนไปเริ่มทำงาน แต่ท่านให้ผมเพียง 1,000 บาท โดยให้เหตุผลที่รับฟังได้คือ ท่านยังไม่เห็นว่าผมจะทำงานได้ดีแค่ไหน และเงินเดือนของหัวหน้าเดิมก็ใกล้เคียงกับที่ผมได้รับแล้ว แต่หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน ผมกลับได้รับการขึ้นเงินเดือนถึง 3,000 บาท และเมื่อทำงานครบปีก็ขึ้นให้อีกมาก ทำให้ผมทำงานในที่ทำงานแห่งนั้นมาได้อีกนาน โดยได้เลื่อนตำแหน่งอีกหลายครั้งและยังมีโอกาสได้รับการอบรมพัฒนา ไปดูงานต่างประเทศ และสวัสดิการอีกไม่น้อย นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบ อำนาจ และผลตอบแทนที่ไปด้วยกันเสมอ ผู้นำที่อยากให้ลูกน้องทำงานอยู่ด้วยนานๆ จะต้องให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยและความสามารถด้วยครับ การตอบแทนความเสียสละของลูกน้อง ก็จะต้องให้สมกับความเสียสละด้วย ผมเคยได้ยินผู้นำหรือเจ้าของกิจการบางคนเรียกร้องให้พนักงานเสียสละ แต่ตัวเจ้าของหรือผู้นำกลับไม่ได้ชดเชยความเสียสละให้พนักงานเท่าที่ควร ทั้งที่บางครั้งพนักงานก็เสียสละให้เพราะหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ผมเคยพูดเล่นๆ อยู่ประโยคหนี่งอยู่เสมอครับว่า "คงไม่มีใครเสียสละได้นานหรอกครับ นอกจากคนเสียสติ"


ผมขออนุญาตแถมข้อที่ 23 ข้อย่อยที่ 1 ให้ทุกท่านอ่านอีกหน่อยแล้วกัน ที่เหลือหาซื้ออ่านกันเองนะครับ


บทที่ 23 สร้างทีมงานให้ได้
ตอนที่ 1 พัฒนาให้เป็นความสำเร็จของทีม
ผู้นำที่ดีต้องรู้ว่าความสำเร็จในหน้าที่ทุกครั้ง ไม่ใช่ความสำเร็จของผู้นำเพียงคนเดียว คนๆ เดียวย่อมไม่มีทางทำงานใหญ่สำเร็จได้ การสร้างทีมงานเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความสามารถ ความพยายาม และเวลาอย่างมาก ผู้นำจะไม่มีวันประสพความสำเร็จ หากไม่ตระหนักถึงการสร้างทีมงานและพัฒนาประสิทธิภาพของทีม ผู้นำที่เก่งย่อมจะมองออกว่าใครเป็นลูกทีมที่มีพลังสร้างสรรค์ พร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปกับคุณ และเมื่อเขาได้ช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่แล้ว ไยผู้นำจึงไม่ให้เกียรติและยกย่องผู้ร่วมงานของคุณให้สูงส่งพร้อมกันด้วย
ผู้นำบางคนไม่เคยให้เกียรติและยกย่องสมาชิกในทีมงานเลย บางคนชอบเอาความสำเร็จไปเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ตรงกันข้ามกับผู้นำที่มองการณ์ไกล เขาจะพยายามนำความสำเร็จนั้นมาให้ทีมงาน และตัวผู้นำก็จะได้รับการยอมรับนับถือ รวมทั้งมีผู้ยินดีร่วมงานกับเขาตลอดไป ผมเชื่อว่า คนทุกคนทีไม่ได้เป็นผู้นำเอง ย่อมอยากจะไปร่วมงานกับผู้นำที่มีความสามารถที่จะช่วยพัฒนาให้เขาก้าวหน้า โดยไปเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จด้วยมากกว่าจะไปร่วมงานกับผู้นำที่เอาแต่ความสำเร็จของงานหรือตนเองเท่านั้น

หนังสือเล่มนี้มีคำเตือนก่อนอ่านด้วยครับ จริงครับที่ว่าคนบ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้า คนไม่บ้าก็เหมือนกัน อันไหนไม่ดีมันไม่ใช่เรา เราไม่ได้ทำ อันไหนดีๆ กลายเป็นของเราซะอย่างนั้น นี่แหละ อัตตา ตัวกู ของกู เป็นเรื่องธรรมชาิิติของมนุษย์ ขึ้นอยู่ว่าจะรู้เท่าทันตนเองขนาดไหน
หนังสือช่วยท่านได้ครับ หนังสือทำให้เกิดสมาธิและสติได้ดีกว่าให้คนพูดให้คุณฟัง เพราะว่าคุณคงไม่ให้คนๆนั้นมานั่งว่าหรือชมคุณเป็นชั่วโมงๆโดยไม่ได้ตอบโต้ หนังสือนี่แหละจะว่าหรือชมคุณโดยที่คุณเป็นคนอ่านด้วยตัวเอง คุณพอใจก็อ่านต่อคุณไม่พอใจก็ฉีกทิ้งก็ได้ครับ ไม่ต้องมีเรื่องกับใคร 555+
หนังสือบางเล่มผมอ่านแล้วอึ้ง เพราะเข้าตัวเต็มๆ เกือบทั้งเล่มก็มี แต่ผมก็ไม่หยุดอ่าน แต่หนังสือเล่มนั้นยับเยินครับ (ยับเยินเพราะพกไปพกมาไม่ได้เอาไปฟาดพื้นแต่อย่างใด)

แล้วคุณละรู้สีกอย่างไรกันครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น